Login
ประวัติความเป็นมา
วิสัยทัศน์และพันธกิจ
รู้จักผู้อำนวยการ
คณะกรรมการบริหาร รพ.
โครงสร้างการองค์กร
ติดต่อเรา
หมายเลขโทรศัพท์ภายใน
คลินิกบริการ
แพทย์แผนไทย
ทันตกรรม
ตรวจสุขภาพ
เร่งจัดตั้ง "ทีมกู้ชีพท้องถิ่น" พัฒนามาตรฐาน "บริการสายด่วนการแพทย์ฉุกเฉิน" ทั่วถึงเท่าเทียม
ด้าน“นพ.วิทยา” แนะต้องบูรณาการทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด ชี้ปัญหาการเข้าถึงบริการเหตุเพราะประชาชนไม่รู้จักและการจัดตั้งทีมกู้ชีพในท้องถิ่นยังไม่ทั่วถึง
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกันระหว่าง สพฉ. และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อหาแนวทางการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินร่วมกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ได้มาตรฐาน และผู้ป่วยฉุกเฉินทุกคนเข้าถึงบริการอย่างเท่าเทียมว่า การพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินนั้นจะต้องมีการประสานการทำงานและใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)
โดย สพฉ.จะมีหน้าที่หลักในการกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติงาน และพัฒนาบุคลากรด้านการแพทย์ฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพ การจัดการความรู้ ข้อมูลสารสนเทศ การถอดบทเรียน ส่วนกระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักสาธารณสุขฉุกเฉิน (สธฉ.) จะเป็นหลักในการจัดการปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน ที่สำคัญจะเป็นการบูรณาการทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ด้าน นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบปฏิบัติการฉุกเฉิน กล่าวว่า การเจ็บป่วยฉุกเฉินเป็นเรื่องใหญ่มาก ที่ต้องอาศัยหลายภาคส่วนร่วมกันทำงานและแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ โดยเฉพาะในส่วนของทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศ ซึ่งความจริงหากประเมินแล้วเราไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากร เพียงแต่ขาดการจัดการในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหลักการสำคัญที่ต้องเดินหน้าต่อไป และจะทำให้การแก้ปัญหาการเข้าถึงการบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น คือทั้งกระทรวงสาธารณสุข และ สพฉ. ควรจะนำศักยภาพที่มีอยู่ทั้งหมดมาช่วยกันแก้ปัญหาและจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้ดีมากยิ่งขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขจะต้องมีความพร้อมในเรื่องของอุปกรณ์และบุคลากร
ส่วน สพฉ.เองก็ต้องมีความพร้อมในเรื่องการเพิ่มศักยภาพบุคลากร การจัดการมาตรฐาน และสำคัญที่สุดจะต้องมีการประสานความร่วมมือในหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน “สำหรับปัญหาใหญ่ในเรื่องการแพทย์ฉุกเฉินขณะนี้ จากข้อมูลผู้ป่วยฉุกเฉินทั้งประเทศปี 2554 มีจำนวน 24 ล้านคน แต่ยังเข้าถึงการบริการได้ไม่ดีพอ คือมีเพียงร้อยละ 10 ที่มาด้วยระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ส่วนที่เหลือขวนขวายมาด้วยตนเอง
ซึ่งเหตุผลสำคัญคือไม่รู้ว่ามีระบบการแพทย์ฉุกเฉิน รวมทั้งการจัดตั้งทีมกู้ชีพในท้องถิ่นยังไม่ทั่วถึง ดังนั้นเรื่องนี้คือปัญหาที่จำเป็นและเร่งด่วนที่ทั้งกระทรวงสาธารณสุข และ สพฉ. เองจะต้องมาร่วมมือกันทั้งในการเผยแพร่องค์ความรู้ และเร่งทำงานให้ประชาชนเข้าถึงการบริการผ่านสายด่วน 1669 และขณะเดียวกันก็ต้องผลักดันเรื่องกฎหมายและมาตรฐานด้วย เพื่อนำไปสู่เป้าหมายคือประชาชนได้รับบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และมีคุณภาพ” นพ.วิทยากล่าว
ที่มา
ThaiPBS
w88
โพสต์โดย
admin
โรงพยาบาลสวนผึ้ง เลขที่ 152 หมู่ 5 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี 70180 โทร. 0-3273-1800-2 โทรสาร 0-3273-1818 อีเมล์ sph.hospitals@gmail.com
พัฒนาโดย ศูนย์คอมพิวเตอร์